อาจมีหลายๆท่านเลือกซื้อผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของสารกันแดดมาใช้กัน พอหยิบๆ ผลิตภัณฑ์ขึ้นมาดู หลายๆคนอาจงงว่า เอ๊ะ! SPF คืออะไร แล้ว PA+++ ล่ะ มีความหายว่าอย่างไร?? แล้วตัวเลขที่ต่อท้าย SPF ไม่ว่าจะเป็น15 30 50 ล่ะ กำลังบอกข้อมูลอะไรกับเราอยู่ จะเดินไปถามพนักงานก็เขิน สรุปก็เลยไม่รู้อยู่ดี...วันนี้เรามารู้จักเครื่องสำอางเหล่านี้กันนะคะ
ครีมกันแดด ทำงานอย่างไร
ส่วนผสมในครีมกันแดดจะทำหน้าที่ในการปกป้องผิวจากรังสี UV ด้วยการดูดซับรังสี ,ป้องกันแสง UV ไม่ให้ผ่านเข้าไปถึงชั้นผิว หรือทำให้รังสี UV แตกกระจายออกไปเพื่อไม่ให้เข้าทำร้ายผิวโดยตรง สำหรับคำแนะนำในการใช้ครีมกันแดด ครีมกันแดดที่ดีที่สุด คือครีมกันแดดที่สามารถที่จะป้องกันแสง UV ได้เพียงพอ(ซึ่งอาจจะขึ้นกับความแรงของแสง) เพื่อให้ได้ผลดีที่สุด ควรทาครีมกันแดดก่อนออกไปสู่ที่มีแสงแดด 30 นาที (ส่วนใหญ่มักจะพบคำแนะนำนี้ตามขวดของครีมกันแดดกันนะ)
แล้ว SPF คืออะไร
ค่า SPF หรือ Sun Protection Factor เป็นตัวระบุระดับการปกป้องผิวจากรังสี UVB หรือ ก็คือจำนวนเท่าของเวลาที่ผิวทนต่อรังสีอัลตราไวโอเลตนี้ได้หลังจากทาครีมกันแดดแล้ว ซึ่งโดยปกติผิวของเราจะรับมือกับแสงแดดโดยปราศจากครีมกันแดดได้ประมาณ 20-30 นาที ถ้าครีมกันแดดหรือผลิตภัณฑ์นั้นระบุไว้ว่า SPF30 ก็จะหมายถึง เราสามารถอยู่กลางแดดได้ประมาณ 30×30 = 900 นาที หรือ 15 ชั่วโมง โดยที่ผิวไม่ไหม้แดง แต่กระนั้นการคำนวณอาจคลาดเคลื่อนได้ เนื่องจากครีมกันแดดที่ทาบนผิวอาจลบเลือนไปเมื่อเหงื่อออก โดนน้ำ หรือทำกิจกรรมต่างๆในชีวิตประจำวัน
ดังนั้น ทางที่ดีที่สุดควรทาครีมซ้ำทุก 2 ชั่วโมง เพื่อให้ประสิทธิภาพในการป้องกันแดดเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
PA คืออะไร
ครีมกันแดดใหม่ๆ ที่วางขายกันในตลาดมักประกอบไปด้วย UVA Filter และค่าที่วัดการป้องกันรังสี UVA เรียกว่า PA
PA ย่อมาจากคำว่า Protection Grade of UVA ในขณะนี้ยังไม่มีหน่วยวัดที่เป็นมาตรฐานในการวัดค่าการดูดซึมของรังสี UVA ดังนั้นจึงถือเอาคำว่า PA เป็นหน่วยวัดรังสี UVA อย่างไม่เป็นทางการ
ค่า PA นั้นจะมี 3 ระดับคือ
PA+ หมายถึง มีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA
PA++ หมายถึง มีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA สูง
PA+++ หมายถึง มีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA สูงสุด
เอาล่ะค่ะคงเข้าใจกันแล้วว่า SPF กับ PA+++ คืออะไร จะเห็นได้ว่าสัญลักษณ์เหล่านี้มีความสำคัญมากในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของสารกันแดด เพราะทำให้เรารู้ว่าผลิตภัณฑ์นั้นๆ มีประสิทธิภาพในการป้องกันUVA และ UVB ได้มากเท่าใด ถ้าผลิตภัณฑ์นั้นระบุไว้แค่ค่า SPFอย่างเดียว หรือค่า PA อย่างเดียว ก็หมายความว่า ผลิตภัณฑ์นั้นไม่สามารถปกป้องผิวจากทั้ง 2 รังสีได้พร้อมๆ กัน นั่นก็คือ ป้องกันได้แค่รังสีชนิดเดียวเท่านั้น ทางที่ดี ไหนๆ ก็จะยอมลงทุนเสียเงินเพื่อปกป้องผิวของเราแล้ว ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีการระบุทั้งสองค่าไปเลยดีกว่า เพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุดที่จะช่วยปกป้องผิวสวยๆของเราจากแสงแดดค่ะ.........