ReadyPlanet.com
dot
ครบเครื่องเรื่อง ครีมกันแดด

ครบเครื่องเรื่อง ครีมกันแดด

ควรรู้อะไรบ้าง เกี่ยวกับ ครีมกันแดด

 คลิกๆ  "ครีมกันแดด" ผลิตภัณฑ์ที่แพทย์แนะนำ

ประโยชน์ของ ครีมกันแดด

ช่วยปกป้องการทำลายเซลล์ผิวหนัง จากรังสีอุลตร้าไวโอเลตในแสงแดด ซึ่งเป็นต้นเหตุของมะเร็งผิวหนัง และยังทำให้เกิดการสร้างเม็ดสีใต้ผิวหนัง ในคนเอเชียโอกาสที่จะเกิดมะเร็วผิวหนังมีไม่มากนัก ดังนั้นการใช้ ครีมกันแดด จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกัน การเกิดจุดด่างดำบนผิวหนังมากกว่า                                                                                
ประเภทของ ครีมกันแดด

ครีมกันแดด มีทั้งหมด 3 ประเภท ดังนี้ คือ

          1.  Chemical   Sunscreen

            เป็น ครีมกันแดด ที่มีส่วนผสมของสารเคมี ทำหน้าที่ปกป้องแสงแดด โดยการดูดซับรังสีแสงแดดเข้าไว้ในผิว ซึ่งหลังจากโดนแดดสักพัก สารเคมีเหล่านี้ก็เสื่อมสภาพ นั่นคือสาเหตุที่เราจึงต้องทา ครีมกันแดด ทุกๆ 2-3 ชั่วโมง การเลือกใช้ ครีมกันแดด ที่มีค่า SPF สูงๆ ซึ่งมีส่วนผสมของสารเคมีปริมาณมาก อาจเกิดการระคายเคืองต่อผิวหนังโดยเฉพาะคนที่มีผิวแพ้ง่าย 

           2. Physical Sunscreen

          เป็น ครีมกันแดด ที่มีส่วนผสมของสาร ที่สามารถสะท้อนรังสี UVA และ UVB ออกไปจากผิวหนัง ซึ่งสารในกลุ่มนี้จะมีผลระคายเคืองต่อผิวหนัง น้อยกว่าสารในกลุ่มแรก แต่มีข้อด้อยคือครีมกันแดด ประเภทนี้ไม่สามารถให้ SPF ที่สูงๆ ได้ และเมื่อทาบนผิวหนังแล้ว หน้าจะดูขาวมาก เนื่องจากสารจะเคลือบบนผิวหนังชั้นบน เพื่อรอแสงกระทบ จึงมีการดูดซึมสู่ผิวน้อย

          3. แบบผสม Chemical-Physical Sunscreen

          เป็นการเสริมข้อดี ลดข้อด้อยในแต่ละส่วน นั่นคือ ลดการระคายเคืองต่อผิวหนัง จากสารประเภทสารเคมี และ ลดความขาวเมื่อทาครีม และ เสริมประสิทธิภาพ ในการป้องกันแสงแดดร่วมกัน

ส่วนผสมในครีมกันแดด สามารถแบ่งตามสารออกฤทธิ์ได้ดังนี้

          1. สารออกฤทธิ์กลุ่มสารเคมีที่ป้องกัน UVA ได้แก่ Oxybenzone, Sulisobenzone, Dioxybenzone, Avobenzone, Merxoryl sx
          2. สารออกฤทธิ์กลุ่มสารเคมีที่ปัองกัน UVB ไ้ด้แก่ Aminobenzoic acid (PABA), Homosalate, Cinoxate, Octyl methoxycinnamate, Octyl salicylate, Padimate O, Phenylbenzimidazole sulfonic acid, Trolamine salicylate, Methyl anthralinate
          3. สารออกฤทธิ์กลุ่ม Physical เป็น สารกันแดด ที่สะท้อนแสงที่ป้องกันทั้ง UVA และ UVB ได้แก่ Titanium dioxide, Zinc Oxide

 

ในแสงแดดมีรังสีอยู่หลายชนิด ที่รู้จักกันดีก็คือ อุลตราไวโอเลต (UV) ซึ่งรังสีนี้จะถูกดูดซับโดยชั้นโอโซน มีแค่ UVAและ UVB ที่ลงมาถึงพื้นโลก ซึ่งรังสีทั้ง 2 ชนิดนี้มีผลต่อผิวหนังโดยเฉพาะ UVA มีผลทำให้เกิด กระ ฝ้า เหี่ยว แก่ก่อนวัย UVB มีผลทำให้เกิดการ แดง แสบ ไหม้ ของผิวหนัง และ รังสีทั้ง 2 ชนิดนี้ยังทำให้เกิดอนุมูลอิสระ ซึ่งจะทำลายโปรตีนพันธุกรรมทำให้เกิดเนื้องอกผิวหนังได้

     
วิธีเลือกซื้อครีมกันแดด

          1. SPF (Sun Protective Factor) ซึ่งเป็นตัวบอกว่า ป้องกัน UVB ได้กี่เท่าส่วน UVA ยังไม่มีค่ามาตรฐาน ปัจจุบันนิยมใช้ PA และเครื่องหมาย + ปกติคนไทยมีผิวคล้ำซึ่งเม็ดสีสามารถป้องกัน UVB ได้บ้างแล้ว ดังนั้น SPF มากกว่า 15 และ PA++ ขึ้นไป ก็เพียงพอ

          2. ดูที่กิจกรรม ถ้าออกกำลังกลางแจ้ง มีเหงื่อ ว่ายน้ำ ทำงานกลางแดด ต้องใช้ SPF ที่สูงขึ้นและเลือกประเภทที่กันน้ำได้ (Water Proof หรือ Water Resistance)

          3. ปริมาณ ควรใช้ปริมานที่ไม่น้อยเกินไป เพราะสารเคมีอาจทำปฏิกิริยากันทำให้ลดคุณภาพลงไป

          4. จำนวนครั้งที่ทาต่อวัน ก็สำคัญ ถ้าอยู่ในออฟฟิศ ห้องแอร์ วันละครั้งก็เพียงพอ แต่ถ้าต้องทำงานกลางแดด โดนลม อาจจะทาเติม ถ้าว่ายน้ำต้องทาทุก 2-3 ชั่วโมง

          5. ทาแล้วก็ต้องเลี่ยงแดดด้วย ใส่แว่น ใส่หมวก เนื่องจาก ครีมกันแดด ไม่ได้กันได้ 100 %

          6. ยี่ห้อ ราคา ไม่สำคัญ ขอให้มีคุณสมบัติครบ ไม่มีปฏิกิริยาต่อผิวหนัง เช่น คัน ผื่น

          7. อาหาร อย่าลืมทานอาหารที่มีความสามารถ กำจัดอนุมูลอิสระ เช่น วิตามิน เกลือแร่ ในผักทุกชนิด และผลไม้ด้วย

วิธีเลือกใช้ครีมกันแดด

สำหรับคนเอเชีย เช่น คนไทย ซึ่งไม่นิยมผิวคล้ำ และ การอาบแดด การป้องกันอันตรายจากแสงแดดที่ดีที่สุด    คือ การหลีกเลี่ยงแสงแดดจัด ในช่วงเวลา 9.00-15.00 น., สวมเสื้อผ้าปกคลุมมิดชิด, แว่นกันแดด, หมวกปีกกว้าง, หรือกางร่มเสมอ แต่ในกรณีที่ทำงาน หรือเล่นกีฬากลางแจ้ง, เด็ก หรือการท่องเที่ยวทางน้ำ มีความจำเป็นต้องใช้ ยากันแดด ควรเลือกดังนี้

          1. ที่มีค่า SPF สูงกว่า 15 
          2. มีสารเคมีที่กัน UVA ได้ดีอย่างน้อย 2 ชนิด เช่น Oxybenzone + TiO2 หรือ Parsol 1789 + ZnO เป็นต้น 
          3. กันน้ำได้ ( Water resistance, หรือ water proof) 
          4. มีการทดลองว่า ไม่สลายจากแสง (photo stable)

 ควรทา ยากันแดด ให้หนาเพียงพอ 15 นาที ก่อนอยู่กลางแดด และอาจทาซ้ำทุก 15 นาที หลังจากทาครั้งแรก หรือทุก 1-2 ชม. ถ้าว่ายน้ำ หรืออยู่กลางแดดจัด เนื่องจากการทา ยากันแดด ซ้ำ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการ กันแดด ได้อีก 2-3 เท่า เพราะผู้บริโภคส่วนใหญ่ มักทา ยากันแดด ในปริมาณน้อยกว่าที่ควร

วิธีทดสอบการแพ้ครีมกันแดด

ให้ทา ครีมกันแดด บริเวณใต้ท้องแขนทิ้งไว้ 15 นาทีแล้วสังเกตว่ามีอาการบวม แดงหรือไม่ ถ้าปรากฏอาการ ดังกล่าวแสดงว่าแพ้สารเคมีชนิดหนึ่ง อย่างไรก็ตามคนบางประเภท (delay sensitivity) จะใช้เวลานานกว่าจะปรากฏอาการแพ้ ดังนั้นจึงควรรอดูอาการถึง 24 ชั่วโมง หรือ 72 ชั่วโมง จึงจะสรุปได้ว่าไม่มีอาการแพ้จริงๆ 

ครีมกันแดด ที่กันน้ำได้ เลือกที่มีส่วนผสมของ Silicone หรือระบุในฉลากว่ากันน้ำได้ มีวิธีการทดสอบด้วยตนเองโดยทาครีมให้ทั่วแขนแล้วจุ่มแขนลงน้ำแล้วยกแขนขึ้นมา น้ำจะไหลลงจากแขนไปหมด โดยไม่มีน้ำเกาะติดกับผิวเหมือนที่ไม่ได้ทา ครีมกันแดด

เลือก ครีมกันแดด ให้เหมาะกับผิว

          ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้เลือก ครีมกันแดด ที่เหมาะสมกับผิวของตนเองเพื่อให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด เพราะผิวแต่ละชนิดเหมาะกับ ครีมกันแดด แตกต่างกัน

          - ผิวขาวแบบชาวยุโรป เป็นผิวบางมาก เกิดผิวไหม้ง่ายมากหลังสัมผัสกับแสงแดด จึงจำเป็นต้องใช้ ครีมกันแดด ที่มีค่า SPF สูง ๆ (SPF 45-60) 
          - ผิวขาวอมชมพูในคนเอเชีย ผิวชนิดนี้บอบบางมาก เกิดผิวไหม้ได้ไว เกิดผิวสีแทนได้ ควรใช้ ครีมกันแดด ที่มีค่า SPF ค่อนข้างสูง (SPF 30-45) 
          - ผิวขาวเหลืองในคนเอเชีย ผิวชนิดนี้บางแต่ยังมีเมลานินอยู่บ้างจึงสามารถทนต่อแสงแดด การเกิดผิวหนังร้อนแดงได้ช้ากว่าผิว 2 ชนิดแรก ควรเลือก ครีมกันแดด ชนิดที่มีค่า SPF ปานกลาง (SPF30) 
          - ผิวคล้ำ มีเมลานินสูง ผิวสีน้ำตาลไม่เกิดการไหม้ ไม่เกิดสีแทน ใช้ ครีมกันแดด ที่มี SPF ต่ำ (SPF 15)

SPF ค่าสูงป้องกันได้นานกว่า ไม่ใช่ป้องกันได้ดีกว่า  

          ความเป็นจริงแล้วค่า SPF (Sun Protection Factor) บ่งบอกถึงระดับความยาวนานของการป้องกันแสงแดดโดยไม่ทำให้ผิวร้อนแดง โดยค่าสูงสามารถปกป้องได้ยาวนานกว่าค่าต่ำ ทำให้ไม่ต้องทาครีมบ่อย

          สำหรับผู้มีผิวขาวชนิดที่ 1-3
          - ครีมกันแดด ที่มี SPF 15 ป้องกันผิวก่อนร้อนแดงได้นาน (15 x 5) = 75 นาที หรือ 1 ชั่วโมง 15 นาที
          - ครีมกันแดด ที่มี SPF 30 ป้องกันผิวก่อนร้อนแดงได้นาน (30 x 5) = 150 นาที หรือ 2 ชั่วโมง 30 นาที
          - ครีมกันแดด ที่มี SPF 60 ป้องกันผิวก่อนร้อนแดงได้นาน (60 x 5) = 300 นาที หรือ 5 ชั่วโมง 

          สำหรับผู้มีผิวคล้ำ ชนิดที่ 4
          - ครีมกันแดด ที่มี SPF 15 มีระยะเวลาที่ทำให้ผิวร้อนแดง(15 x 15) = 225 นาที หรือ 3 ชั่วโมง 45 นาที
          - ครีมกันแดด ที่มี SPF 30 ป้องกันผิวก่อนร้อนแดงได้นาน (30 x 15) = 450 นาที หรือ 7 ชั่วโมง 30 นาที
          - ครีมกันแดด ที่มี SPF 60 ป้องกันผิวก่อนร้อนแดงได้นาน (60 x 15) = 900 นาที หรือ 15 ชั่วโมง

 




บทความเกี่ยวกับเครื่องสำอาง

No Animal Testing คืออะไร? article
Water Resistant และ Water Proof ต่างกันอย่างไร? article
สัญลักษณ์ Hypoallergenic คืออะไร มีความสำคัญอย่างไร? article
แนะนำ Chitosan Succinamide สารสกัดในการผลิตเครื่องสำอาง article
เลข อย. กับ เลขที่จดแจ้ง มีความสำคัญอย่างไร? article
สารสกัดธรรมชาติมีประโยชน์อย่างไร เหมาะกับใคร และเครื่องสำอางแบบไหน? article
แนะนำ Chamomile Extract สารสกัดในการผลิตเครื่องสำอาง article
เทรนเครื่องสำอาง ที่ช่วยให้ผิวเนียนสวย สุขภาพดี article
แนะนำ Collagen สารสกัดในการผลิตเครื่องสำอาง article
เครื่องสำอาง คืออะไร? article
ผิวหน้ามันคืออะไร? article
แนะนำ Vitamin E สารสกัดในการผลิตเครื่องสำอาง article
UVA และ UVB ต่างกันอย่างไร? article
Emulsion สำหรับการผลิตครีม คืออะไร? article
แนะนำ Potassium Azelaoyl Diglycinate สารสกัดในการผลิตเครื่องสำอาง article
Probiotic Skincare article
แนะนำ Arbutin สารสกัดในการผลิตเครื่องสำอาง article
Liposomal Technology คืออะไร? article
แนะนำ Dermawhite สารสกัดในการผลิตเครื่องสำอาง article
เอนแคปซูเลชัน (Encapsulation) คืออะไร? article
กำหนดสารป้องกันแสงแดดที่อาจใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องสำอาง article
แนะนำ Delentigo สารสกัดในการผลิตเครื่องสำอาง article
Skin Barrier คืออะไร? article
แนะนำ SYN-COLL สารสกัดในการผลิตเครื่องสำอาง article
แสงสีฟ้า (Blue Light) article
แนะนำ Acti Stem Cell สารสกัดในการผลิตเครื่องสำอาง article
คอลลาเจน คืออะไร? article
ความแตกต่างของ เครื่องสำอาง และ เวชสำอาง article
แนะนำ Firmiderm LS 9120 สารสกัดในการผลิตเครื่องสำอาง article
ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง กับการปกป้องผิวจากมลภาวะ article
เลือกใช้ Cleansing อย่างไร สำหรับคนที่เป็นสิว!
แนะนำ Astaxanthin Ferment สารสกัดในการผลิตเครื่องสำอาง article
ผิวแห้งมาก ควรทำอย่างไร? article
แนะนำ Galactoferm - NS สารสกัดในการผลิตเครื่องสำอาง article
ประโยชน์ และข้อดี ของการใช้ครีมกันแดด article
แนะนำ Picea Abies Extract สารสกัดในการผลิตเครื่องสำอาง article
การผลัดเซลล์ผิว คืออะไร? article
ผิวหน้าแพ้เครื่องสำอาง แก้ไขอย่างไร? article
แนะนำ Palmitoyl Tetrapeptide-7 สารสกัดในการผลิตเครื่องสำอาง article
เนื้อเซรั่ม และ เนื้อครีม แตกต่างกันอย่างไร? article
Vitamin B3 ในเครื่องสำอาง มีความสำคัญอย่างไร? article
แนะนำ Defensil สารสกัดในการผลิตเครื่องสำอาง article
สารกันเสียในเครื่องสำอาง article
Tranexamic acid ในเครื่องสำอางคืออะไร? article
ความต่างของ Alpha-Arbutin และ Beta-Arbutin article
การพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง article
แนะนำ Beetox H สารสกัดในการผลิตเครื่องสำอาง article
เครื่องสำอาง Organic คืออะไร? article
AHA กับ BHA ต่างกันอย่างไร? article
ส่วนผสมในเครื่องสำอาง ที่ไม่ควรใช้ร่วมกัน article
Retinol กับ Bakuchiol ในการผลิตเครื่องสำอาง
Vitamin C กับการ ผลิตเครื่องสำอาง article
6 ปัจจัย ที่ก่อให้เกิดปัญหาผิว article
เครื่องสำอาง กับ ความชุ่มชื้นบนผิว article
ฝ้า และ กระ ต่างกันอย่างไร ควรใช้เครื่องสำอางแบบใด? article
ประเภทของผิวเรา เป็นแบบไหนกันนะ? article
7 วิธี ให้หน้าใส "ไร้สิว" article
แนะนำ U-Active P&C สารสกัดในการผลิตเครื่องสำอาง article
หลักเกณฑ์การตั้งชื่อ "ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง" article
OEM กับ ODM ต่างกันอย่างไร? article
อายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง article
สิวกับเครื่องสำอาง article
การควบคุมขั้นตอนการผลิตเครื่องสำอาง article
แนะนำ SYN-AKE สารสกัดในการผลิตเครื่องสำอาง article
การเลือกซื้อเครื่องสำอางอย่างปลอดภัย article
ปัญหาผิวแพ้ง่าย กับการผลิตเครื่องสำอาง article
ดูแลผิวช่วงหน้าฝนยังไง ให้ผิวสุขภาพดี article
แนะนำ PEARL EXTEACT สารสกัดในการผลิตเครื่องสำอาง article
ปัญหาผิวแพ้ง่ายกับเครื่องสำอาง article
แนะนำ Hymagic-4D สารสกัดในการผลิตเครื่องสำอาง article
อันตรายจากการใช้เครื่องสำอางปลอม article
แนะนำ SNAIL EXTRACT สารสกัดในการผลิตเครื่องสำอาง article
อันตรายของสารปรอทในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง article
แนะนำ ชะเอมเทศ สารสกัดในการผลิตเครื่องสำอาง article
หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการผลิต หรือนําเข้าเครื่องสําอาง article
แนะนำ Dragon's Blood สารสกัดในการผลิตเครื่องสำอาง article
โรงงานรับผลิตเครื่องสำอาง กับ GMP article
ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดด แตกต่างกันอย่างไร? article
แนะนำ AREAUMAT PERPETUA PWS สารสกัดในการผลิตเครื่องสำอาง article
แนะนำเซรั่มสูตรหน้าใส article
สัญลักษณ์บนเครื่องสำอางที่ควรรู้ในการผลิตเครื่องสำอาง article
แนะนำ Royalbiocyte สารสกัดในการผลิตเครื่องสำอาง article
สารที่ "ห้าม" ใช้ในการผลิตเครื่องสำอาง article
สารอนุมูลอิสระกับการผลิตเครื่องสำอาง article
แนะนำ Aquashuttle HD0001 สารสกัดในการผลิตเครื่องสำอาง article
สาเหตุของการเกิดรอยเหี่ยวย่น article
แนะนำ Kakaduplum สารสกัดในการผลิตเครื่องสำอาง article
ข้อมูลฉลากบนเครื่องสำอางที่ควรรู้ในการผลิตเครื่องสำอาง article
แนะนำ SEA WATER สารสกัดในการผลิตเครื่องสำอาง article
เหตุผลที่ต้องผลิตเครื่องสำอางกับเรา article
ประกาศใช้ พระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. ๒๕๕๘ article
เลือกครีมบำรุงผิวช่วงหน้าร้อนอย่างไรให้เหมาะกับผิว ??
แนะนำ Azeloglicina Complex สารสกัดในการผลิตเครื่องสำอาง article
เลือกครีมหน้าขาวอย่างไรให้ถูกวิธี
8 เคล็ดลับการบำรุงผิวในแต่ละวัน
แนะนำ Witch Hazel Distillate สารสกัดในการผลิตเครื่องสำอาง article
การเลือกซื้อเครื่องสำอางอย่างชาญฉลาด
แนะนำ GOAT MILK EXTRACT สารสกัดในการผลิตเครื่องสำอาง article
แนวโน้มการตลาดเครื่องสำอางธรรมชาติ



Copyright © 2010 All Rights Reserved.
บริษัทสกินไบโอเทค (ประเทศไทย) จำกัด รับผลิตเครื่องสำอาง สร้างแบรนด์เครื่องสำอาง โดยที่คุณสามารถเป็นเจ้าของแบรนด์เครื่องสำอางคุณภาพได้เพียงติดต่อเรา เราเป็นผู้ผลิตเครื่องสำอางที่พร้อมผลิตเครื่องสำอางภายใต้แบรนด์ของลูกค้า ยินดีให้คำปรึกษาด้วยทีมงานมืออาชีพ ทั้งเภสัชกรและนักวิทยาศาสตร์ค้นคว้าและวิจัยเครื่องสำอางที่มากด้วยความสามารถและประสบการณ์ที่มากกว่า 10 ปี ต้องการทราบข้อมูล สอบถาม Price List จำนวนต้นทุนขั้นต่ำในการผลิตเครื่องสำอาง เงื่อนไขการผลิตเครื่องสำอาง ราคาสินค้า ตัวอย่างทดลอง และการขอขึ้นทะเบียน อย.

Skin Biotech (Thailand) Co.,Ltd. 17 soi.krungthepkreetha 37 yak 8 krungthep kreetha road, Sapansung, Bangkok 10250 Thailand.
Tel.0-2736-2204-5 Email : skinbiotech@hotmail.com