ประเภทของเครื่องสำอาง
จากการวิเคราะห์ความเสี่ยงและประเมินความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางแล้ว ได้จัดแบ่งเครื่องสำอางออกเป็น 3 ประเภท คือ
1.เครื่องสำอางควบคุมพิเศษ เป็นเครื่องสำอางที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดอันตรายกับผู้บริโภค เนื่องจากพิษภัยหรือจากเคมีภัณฑ์ ที่เป็นส่วนผสม การกำกับดูแลจึงเข้มงวดที่สุด ด้วยการให้มาขึ้นทะเบียนตำรับ เมื่อได้รับใบสำคัญการขึ้นทะเบียนตำรับเครื่องสำอางควบคุมพิเศษเรียบร้อยแล้ว จึงจะผลิตหรือนำเข้ามาจำหน่ายได้ ให้สังเกต เลขทะเบียนในกรอบ อย. วอย่างเครื่องสำอางควบคุมพิเศษ ได้แก่
- ยาสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก ไหมขัดฟันที่มีส่วนผสมของ ฟลูออไรด์
- น้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของ เซทิลไพริดิเนียมคลอไรด์
- ผลิตภัณฑ์ดัดผม ยืดผม
- ผลิตภัณฑ์ย้อมผมชนิดถาวร
- ผลิตภัณฑ์ฟอกสีผม
- ผลิตภัณฑ์แต่งสีผมที่มีส่วนผสมของ เลดแอซีเทต หรือซิลเวอร์ไนเตรต
- ผลิตภัณฑ์กำจัดขน หรือทำให้ขนร่วง
2. เครื่องสำอางควบคุม เป็นเครื่องสำอางที่มีผลกระทบ หรือมีความเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายบ้าง การกำกับดูแลจึงไม่เข้มงวดเท่าเครื่องสำอางควบคุมพิเศษ ผู้ประกอบธุรกิจเพียงมาแจ้งรายละเอียดต่อหน่วยงานของรัฐ ภายในเวลาไม่น้อยกว่า 15 วัน ก่อนผลิตหรือนำเข้ามาจำหน่ายในราชอาณาจักร ดังนั้นเครื่องสำอางควบคุม จะไม่มีเลขทะเบียนในกรอบ อย.
กำหนดเครื่องสำอางควบคุม มี 2 ลักษณะ คือ
- 2.1 กำหนดประเภทของเครื่องสำอาง 4 ประเภท เป็นเครื่องสำอางควบคุม ได้แก่
ผ้าอนามัย ทั้งชนิดแผ่น และชนิดสอด
ผ้าเย็นหรือกระดาษในภาชนะบรรจุที่ปิด
แป้งฝุ่นโรยตัว
แป้งน้ำ
- 2.2 กำหนดสารควบคุม ดังนั้นเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของสารควบคุม จะจัดเป็นเครื่องสำอางควบคุม ได้แก่
สารป้องกันแสงแดด จำนวน 19 ชนิด (ตามบัญชีแนบท้ายประกาศฯ ฉบับที่ 8 พ.ศ.2536 เรื่อง ผลิตภัณฑ์ที่มีสารป้องกันแสงแดด)
สารขจัดรังแค (ซิงก์ไพริไทโอน และ ไพรอกโทน โอลามีน)
สารขจัดรังแค (คลิมบาโซล)
3.เครื่องสำอางทั่วไป ได้แก่เครื่องสำอางที่ไม่มีส่วนผสมของสารควบคุมพิเศษ หรือสารควบคุม ดังนั้นเครื่องสำอางทั่วไปจะไม่มีเลขทะเบียนในกรอบ อย. แต่มีข้อกำหนดในการผลิตหรือนำเข้า ดังนี้
- 3.1 เครื่องสำอางที่ผลิตในประเทศ สามารถผลิตได้โดยไม่ต้องมาแจ้งกับอย. เพียงแต่จัดทำฉลากภาษาไทย ให้มีข้อความอันจำเป็น ครบถ้วน ชัดเจน (ส่วนข้อความอื่นๆบนฉลากต้องเป็นความจริงและมีเอกสารหลักฐานพร้อมที่จะพิสูจน์ได้)
- 3.2 เครื่องสำอางที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ต้องส่งมอบหลักฐานประกอบการ นำเข้า และจัดทำฉลากภาษาไทยให้มีข้อความอันจำเป็นให้ ครบถ้วนภายใน 30 วัน หลังจากได้รับการตรวจปล่อยให้นำเข้าฯ (ส่วนข้อความอื่นๆบนฉลากต้องเป็นความจริงและมีเอกสารหลักฐานพร้อมที่จะพิสูจน์ได้) ตัวอย่างเครื่องสำอางทั่วไป ได้แก่ แชมพูสระผมที่ไม่มีสารขจัดรังแค ครีมนวดผม โลชั่น ครีมบำรุงผิว อายแชโดว์ อายไลเนอร์ ดินสอเขียนคิ้ว บลัชออนแต่งแก้ม ลิปสติก ครีมรองพื้น แป้งทาหน้า สบู่ก้อน สบู่เหลว โฟม น้ำมันทาผิว เครื่องสำอางระงับกลิ่นกาย สีทาเล็บ มูส หรือเยลแต่งผม เป็นต้น
เครื่องสำอางสามารถแบ่งได้เป็นหลายประเภท แต่โดยทั่วไปมักจะแบ่งเป็นประเภทใหญ่ๆ ได้ 2 ประเภท คือ
1.เครื่องสำอางที่ไม่ได้ใช้แต่งสีของผิว
เครื่องสำอางประเภทนี้ ใช้สำหรับการทำความสะอาดผิวหนัง หรือใช้เพื่อป้องกันผิว หนังไม่ให้เกิดอันตรายจาสิ่งแวดล้อม เครื่องสำอางประเภทนี้ได้แก่ สบู่ แชมพู ครีมล้างหน้า ครีมกันผิวแตก น้ำยาช่วยกระชับผิวให้ตึง เป็นต้น
2.เครื่องสำอางที่ใช้แต่งสีผิว
เครื่องสำอางประเภทนี้ ใช้สำหรับการแต่งสีของผิวให้มีสีสดสวยขึ้นจากผิวธรรม ชาติที่เป็นอยู่ เช่น แป้งแต่งผิวหน้า ลิปสติก รู้ช เป็นต้น ถ้าแบ่งเครื่องสำอางตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเครื่องสำอาง กระทรวงอุตสาหกรรม ที่ มอก. 152-2518 จะสามารถแบ่งเครื่องสำอางได้เป็น 6 ประเภท ดังนี้คือ
3.เครื่องสำอางสำหรับผม (Hair cosmetics)
-แชมพู (shampoos)
-น้ำยาโกรกผม (hair rinses)
-น้ำยาจับลอนผม (wave sets)
-น้ำยาดัดผม (hair permanent waving)
-สิ่งปรุงเพื่อใช้กำจัดรังแค (antidandruff)
-สิ่งปรุงแต่งสีของเส้นผมและขน (hair colouring)
-สิ่งปรุงปรับสภาพเส้นผม (hair conditioners)
-สิ่งปรุงแต่งทรงผม (hair dressing or hair grooming)
4.เครื่องสำอางแอโรซอล (aerosol cosmetics)
5.เครื่องสำอางสำหรับใบหน้า (face cosmetics)
-ครีมและโลชั่นล้างหน้า (cleansing cream and lotions)
-สิ่งปรุงสมานผิวและสิ่งปรุงทำให้ผิวสดชื่น (astringent preparations and skin fresheners)
-สิ่งปรุงรองพื้น (foundation preparations)
-สิ่งปรุงผัดหน้า (face powders)
-สิ่งปรุงแต่งตา (eye make-up preparations)
-รู้ช (rouges)
-ลิปสติก (lipsticks)
-อิโมลเลียนต์ (emollients)
6.เครื่องสำอางสำหรับลำตัว (body cosmetics)
-ครีมและโลชั่นทาผิว (emollient creams and lotions)
-ครีมและโลชั่นทามือและทาตัว (hand, body creams and lotions)
-สิ่งปรุงป้องกันแดดและแต่งให้ผิวคล้ำ (sun tan preparations)
-น้ำยาทาและล้างเล็บ (nail lacquers and removers)
-สิ่งปรุงระงับเหงื่อและกลิ่นตัว (antiperspirants and deodorants)
7.เครื่องหอม (fragrances)
-น้ำหอม (alcoholic fragrances)
-ครีมหอมและเครื่องหอมชนิดแข็ง (emulsified and solid fragrances)
8.เบ็ดเตล็ด (miscellaneous cosmetics)
-สิ่งปรุงสำหรับการโกน (shaving preparations)
-สบู่สำหรับการโกน (shaving soaps)
-ครีมสำหรับการโกน (shaving creams)
-สิ่งปรุงสำหรับใช้ก่อนการโกน (pre-shave preparations)
-สิ่งปรุงสำหรับใช้หลังการโกน (after-shave preparations)
-สิ่งปรุงที่ทำให้สีผิวจางและฟอกสีผิว (skin lighteners and bleaching preparations)
-สิ่งปรุงผสมน้ำอาบ (bath preparations)
-ฝุ่นโรยตัว (dusting powders)
-สิ่งปรุงทำให้ขนร่วง (depilatories)
เครื่องสำอางที่พบในท้องตลาดอาจจะแบ่งออกเป็น 10 ประเภท ดังนี้
เครื่องสำอางสำหรับผิวหนัง ได้แก่
-ครีมทาผิว
-ผลิตภัณฑ์ขจัดสิว
-ผลิตภัณฑ์ขจัดสีผิวและขจัดฝ้า
-ผลิตภัณฑ์ระงับเหงื่อและขจัดกลิ่นตัว
-ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดด
-ผลิตภัณฑ์ป้องกันแมลงกัดต่อย
เครื่องสำอางสำหรับผมและขน ได้แก่
-แชมพูและครีมนวดผม
-ผลิตภัณฑ์ตกแต่งผม
-ผลิตภัณฑ์สำหรับโกนหนวดและกำจัดขน
เครื่องสำอางสำหรับแต่งตาและคิ้ว
เครื่องสำอางสำหรับแต่งใบหน้า
-ผลิตภัณฑ์พอกและลอกหน้า
-ผลิตภัณฑ์กลบเกลื่อน
-ผลิตภัณฑ์รองพื้นแต่งหน้า
-แป้งผัดหน้าและแป้งโรยตัว
เครื่องสำอางสำหรับแต่งแก้ม
เครื่องสำอางสำหรับแต่งปาก
เครื่องสำอางสำหรับทำความสะอาดผิวปาก และฟัน
-ครีมล้างหน้าและครีมล้างมือ
-ยาสีฟันและน้ำยาบ้วนปาก
เครื่องสำอางสำหรับเล็บ
เครื่องสำอางสำหรับเด็ก
ผลิตภัณฑ์น้ำหอม