สิวฮอร์โมน และสิวสเตียรอยด์ต่างกันอย่างไร?

ปัญหาสิว เป็นปัญหาความกังวลใจของวัยรุ่นในปัจจุบัน สิวอุดตัน สิวอักเสบ สิวผด รวมถึง “สิวฮอร์โมน และ สิวสเตียรอยด์” ปัญหายอดฮิตของวัยรุ่น ที่รักษายังไงก็ไม่หายสักที วันนี้เรามาทำความรู้จัก สิวฮอร์โมน และ สิวสเตียรอยด์ ว่ามีลักษณะเป็นอย่างไรกันค่ะ
1. สิวฮอร์โมน
สิวฮอร์โมน เกิดจากการที่ฮอร์โมนกระตุ้นทำให้ต่อมไขมันบนใบหน้า ทำงานสร้างน้ำมันในปริมาณที่มากขึ้น จึงทำให้รูขุมขนเกิดการอุดตัน และมีการอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย โดยส่วนมากมีลักษณะเป็นสิวอักเสบ จะมีทั้งอุดตันและอักเสบปนๆ กัน ขนาดของสิวแต่ละเม็ดจะต่างกันโดยมีทั้งเล็กใหญ่ กระจายทั่วบริเวณใบหน้า โดยมักขึ้นตามบริเวณที่ผิวมันมาก เช่น ทีโซน บริเวณตามช่วงแก้ม หน้าผาก เป็นต้น สิวฮอร์โมน ถ้ามีการอักเสบ จะบวมเจ็บและถ้าปล่อยไปนานๆจะเป็นหนองได้
2. สิวสเตียรอยด์
สิวเสตียรอยด์ คือ สิวที่เกิดขึ้นบริเวณใบหน้า ซึ่งมีลักษณะได้หลายรูปแบบ โดยปกติจะเกิดในผู้ที่ได้รับ สารเสตียรอยด์ติดต่อกันเป็นเวลานาน
เสตียรอยด์ คืออะไร?
เสตียรอยด์ คือ ชื่อสั้นๆ ของ ยากลุ่ม corticosteroid ซึ่งยากลุ่มนี้ จะมีฤทธิ์ ต้านการอักเสบ ได้ทั่วร่างกายตั้งแต่หัวจรดเท้า วงการแพทย์ นำมาใช้ประโยชน์ในการรักษาอาการอักเสบ หรือ กดภูมิคุ้มกันที่ผิดปกติมากมาย
อาการที่เกิดจากการใช้ครีมสเตียรอยด์ติดต่อกันเป็นเวลานาน
1. ผิวติดสเตียรอยด์
การใช้ สเตียรอยด์สำหรับทาผิวต่อเนื่อง เป็นเวลานานๆ เมื่อมีการหยุดใช้งานแล้ว ผิวหน้าจะมีอาการต่างๆ กลับมา ผิวหน้าจะมีอาการผิวแดง คล้ายไหม้แดด ผิวแห้งลอก ระคายเคืองง่าย ผิวหนังอักเสบ เป็นสิวขึ้นมาเป็นลักษณะผื่นแดง คัน และรักษาให้หายได้ยาก
2. เป็นสิวสเตียรอยด์
สิวสเตียรอยด์ คือ ภาวะของกลุ่มอาการทางผิวหนังที่มีอาการ เป็นผื่นคล้ายสิว ภาษาอังกฤษเรียกกลุ่มอาการแบบนี้ว่า Acneiform Eruption ซึ่งกลุ่มอาการนี้ จะเรียกว่าอาการสิวอย่างเดียวก็ไม่ใช่ค่ะ เพราะ เป็นกลุ่มอาการที่มีทั้ง เป็นสิวแบบสิวแท้ (Acne Vulgaris) รวมถึง อาการอื่นๆที่คล้ายสิว โดยมีสาเหตุมาจากการใช้สเตียรอยด์แบบทาเฉพาะที่ โดยปริมาณสูงในช่วงสั้นๆ หรืออาจปริมาณน้อยแต่ระยะเวลานาน ก็ได้
อาการอื่นๆที่คล้ายสิว ได้แก่ รูขุมขนอักเสบ (Malazzesia Folliculitis)
โดยสิวเสตียรอยด์ อาจเกิดได้ ในช่วงที่กำลังใช้สเตียรอยด์อยู่ หรือ เกิดหลังจากหยุดสเตียรอยด์ ไปแล้วก็ได้

การป้องกันไม่ให้เกิดสิวสเตียรอยด์
การป้องกันไม่ให้เกิดสิวสเตียรอยด์ที่ดีที่สุดคือการไม่ใช้ยาสเตียรอยด์ หรือใช้ในปริมาณและระยะเวลาที่แพทย์กำหนดเท่านั้น เนื่องจากการใช้ยาสเตียรอยด์เกินขนาดสามารถส่งผลเสียได้มาก
ซึ่งยาสเตียรอยด์ในปัจจุบันมีหลากหลายรูปแบบ ทั้งยาทา ยาสำหรับทาน ยาฉีดเข้าผิวหนังหรือกล้ามเนื้อ ซึ่งยาสเตียรอยด์ทุกชนิดล้วนแล้วแต่มีผลข้างเคียงหากใช้ในปริมาณที่ไม่เหมาะสม
ผลข้างเคียงของยาสเตียรอยด์หลายรูปแบบนั้น มีตั้งแต่โรคผิวหนัง เป็นสิว คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ดังนั้นการใช้ยาที่มีสเตียรอยด์ควรทำตามคำแนะนำของแพทย์และเภสัชกรอย่างเคร่งครัด หรือถ้าหลีกเลี่ยงได้ก็ควรหลีกเลี่ยง
การรักษาสิวสเตียรอยด์
1. รักษาความสะอาดที่ผิวหน้าและผิวกายอยู่เสมอ โดยการทำความสะอาดวันละ 2 ครั้ง ด้วยน้ำยาทำความสะอาดที่อ่อนโยน มีค่า pH ปานกลาง ไม่ต่ำหรือสูงจนเกินไป
2. ลดการใช้เครื่องสำอาง หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่เสี่ยงต่อการระคายเคืองหรือทำให้รูขุมขนอุดตันได้
3. ปรึกษาแพทย์ผิวหนัง เพื่อหาทางป้องกันสิวสเตียรอยด์ร่วมกัน แพทย์
สนใจสอบถามข้อมูลการผลิตเครื่องสำอาง ผลิตกันแดด ผลิตครีมผลิตเซรั่ม ผลิตเวชสำอาง เพิ่มเติม ทักไลน์ได้เลย☎️📳

รับผลิตเครื่องสำอาง,โรงงานผลิตเครื่องสำอาง,รับผลิตเวชสำอาง,รับผลิตครีม,รับผลิตเซรั่ม,รับผลิตกันแดด,รับผลิตโลชั่น,รับสร้างแบรนด์เครื่องสำอาง,รับผลิตสบู่,จดแจ้งอย.เครื่องสำอาง,ผลิตเครื่องสำอางคุณภาพ,รับผลิตสร้างแบรนด์,รับผลิตครีมคลินิก